ร้านเจ๊ง

ร้านเจ๊ง ไม่มีกำไร  กับ 7 สาเหตุที่ทำให้ร้านขาดทุน

ร้านเจ๊ง ธุรกิจเจ๊ง เปิดร้านแล้วเจ๊ง ขายของขาดทุน ปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกร้านค้า ทุกธุรกิจ ยิ่งในปัจจุบันนี้คู่แข่งในการทำธุรกิจนี้มีเยอะมาก ๆ เพราะคนส่วนใหญ่นิยมหันมาเป็นเจ้าของธุรกิจ อยากมีร้านค้า มีสินค้าเป็นของตนเอง หากไม่วางแผนในการทำธุรกิจ ไม่วางระบบการบริหารร้านให้ดี ก็เสี่ยงให้ร้านค้าเจ๊งได้นั่นเอง   

ส่วนมือใหม่ทำธุรกิจ หรือร้านเปิดใหม่แล้วเจ๊ง อาจเพราะว่าขาดความรู้ความเข้าใจในการทำธุรกิจ ไม่มีการวางแผนในการจัดการร้านค้า ไม่กำหนดกลุ่มลูกค้า ไม่คิดคำนวณต้นทุนสินค้า หรืออาจขายสินค้าในราคาที่แพงเกินไปจนลูกค้าไม่กล้าซื้อ รวมถึงการไม่เลือกโลเคชั่นในการเปิดร้าน เพราะการเลือกทำเลที่ดีจะช่วยให้มีโอกาสขายได้เพิ่มมากขึ้น 

โดยร้านค้าที่เจ๊ง หรือร้านเปิดใหม่ส่วนใหญ่เจ๊ง มักจะมีข้อผิดพลาดที่คล้าย ๆ กัน และจะมองข้ามหรือไม่เห็นถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การไม่คำนวณต้นทุน ไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่าย ไม่มีโปรโมชั่นดึงดูด ขายแต่เมนูเดิม ๆ และไม่ยอมเปิดร้านค้าบนช่องทางออนไลน์ ไม่มีผู้ช่วยในการจัดการร้านค้า ปัญหาเหล่านี้เมื่อถูกมองข้ามหรือไม่แก้ไข ก็ย่อมทำให้ร้านขาดทุน เสี่ยงร้านเจ๊ง จนต้องปิดกิจการได้  

7  สาเหตุที่ทำให้ร้านขาดทุน ร้านเจ๊ง 

  • ไม่คำนวณต้นทุนสินค้า

สินค้าในร้านนับว่าเป็นต้นทุนที่ร้านค้าต้องจ่ายและนับว่าเป็นต้นทุนหลักเลยก็ว่าได้ เพราะสินค้าทุกอย่างในร้านล้วนต้องมาจากวัตถุดิบที่ต้องซื้ออยู่เป็นประจำ รวมถึงค่าแรง ค่าอุปกรณ์ที่ใช้ ยิ่งในยุคที่วัตถุดิบขึ้นราคา ค่าน้ำค่าไฟขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ก็ล้วนถือเป็นต้นทุนที่ร้านต้องจ่าย หากร้านค้าไม่คิดค่าต้นทุน ไม่คำนวณค่าวัตถุดิบที่ซื้อ ไม่บวกค่าแรง ค่าเครื่องจักร และตั้งราคาขายไปโดยไม่รู้ต้นทุนก็จะทำให้ร้านเสี่ยงต่อการขาดทุนอย่างต่อเนื่องได้ ธุรกิจเจ๊ง เป็นหนี้ แถมยังไม่รู้กำไรที่ได้อย่างแท้จริง  

วิธีคำนวณค่าวัตถุดิบ (ก่อนนำไปบวกต้นทุนสินค้า)
ต้นทุนวัตถุดิบ = ปริมาณวัตถุดิบที่ใช้จริง x (ราคาที่ซื้อหารด้วยปริมาณที่ซื้อ) 

ตัวอย่างเช่น นมสด 1 แกลลอน ใช้ชงเครื่องดื่มต่อแก้วอยู่ที่ 60 มิลลิลิตร
ต้นทุนนมสด  = 60 มิลลิลิตร x ( 213 บาท / 5 ลิตร)
ดังนั้น ต้นทุนนมสดจะเท่ากับ 2.55 บาท ต่อเครื่องดื่ม 1 แก้ว 

เมื่อคำนวณต้นทุนวัตถุดิบแต่ละอย่างแล้ว ก็จะถูกนำต้นทุนที่ได้มาบวกเป็นต้นทุนสินค้านั้น ๆ ซึ่งต้นทุนของสินค้าแต่ละอย่างก็จะไม่เท่ากัน เพราะอาจจะใช้สัดส่วนของวัตถุดิบที่ต่างกันออกไป ฉะนั้น หากร้านต้องการทราบต้นทุนของแต่ละสินค้าเพื่อบวกกำไรในการตั้งราคาขาย  ร้านค้าก็จะต้องมีการคำนวณต้นทุนสินค้าก่อน เพื่อให้ทราบต้นทุนและกำไรของสินค้าที่ขายได้ 

  • ไม่ทำรายรับรายจ่าย 

ไม่เพียงแต่การคำนวณต้นทุนสินค้า การเปิดร้านค้าหรือทำธุรกิจไม่ว่าจะร้านเล็ก ร้านใหญ่  การทำบัญชีรายรับรายจ่ายนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพราะรายรับรายจ่ายล้วนมีผลต่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการไม่แยกกระเป๋าเงิน การนำเงินที่ได้จากธุรกิจไปใช้ส่วนตัว ตลอดจนไปถึงการไม่ยอมคิดบัญชีหรือคิดบัญชีไม่เป็น ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ไม่สามารถรู้รายรับทั้งหมดของร้านได้ อาจทำให้ร้านเสี่ยงขาดทุน   

สำหรับรายรับของร้านค้าส่วนใหญ่ก็จะมาจากการขายสินค้า แต่สำหรับรายจ่ายนั้นนับว่ามีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ค่าจ้างพนักงาน ค่าเช่าร้าน ค่าวัตถุดิบ ค่าอุปกรณ์ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับร้าน การไม่ทำรายรับรายจ่าย ไม่จดบันทึกค่าใช้จ่าย อาจจะทำให้ร้านขาดทุน ร้านเจ๊ง โดยไม่รู้ตัว

  • ขาดการบริหารจัดการร้าน 

การทำธุรกิจคือการบริหารจัดการระบบร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ หากขาดการจัดการร้านค้าก็จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการบริหารและการบริการลูกค้าได้ เพราะการทำธุรกิจต้องไม่ใช่แค่การหวังกำไรจากการขายสินค้า แต่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องอื่น ๆ ด้วยโดยเฉพาะลูกค้า การจัดการร้านค้าที่ดีจะช่วยให้ร้านพบปัญหาน้อยลง อย่างการหมั่นเช็กสต็อกสินค้า สต็อกวัตถุดิบที่ต้องใช้เพื่อไม่ให้วัตถุดิบขาดแคลน การทำบัญชีรายเดือน เปรียบเทียบยอดขาย การไม่ทำออเดอร์ช้า ไม่ทำให้ลูกค้ารอนาน  ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณบริหารร้านค้าได้ดี ทำงานสะดวกมากขึ้น   

  • ไม่ทำการตลาดเอาใจลูกค้า 

เพราะลูกค้าคือหัวใจหลักในการทำให้ร้านมียอดขาย ดังนั้นการรักษาฐานลูกค้าคนเดิม และการดึงดูดลูกค้าใหม่เข้าร้านจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ หากร้านไหนที่ไม่มีการจัดโปรโมชั่น ไม่มีสิ่งที่กระตุ้นความอยากลูกค้าก็จะทำให้ลูกค้าไม่อยากกลับมาซื้อซ้ำ การทำการตลาดเพื่อรักษาลูกค้าเอาไว้จึงเป็นสิ่งที่ทุกร้านควรทำ อาทิ การจัดโปรโมชั่นลดราคา , การทำโปรสินค้าซื้อ 1 แถม 1, การจับคู่สินค้า, การทำบัตรสะสมแต้มเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ อาจรวมไปถึงการสะสมยอดซื้อเพื่อรับแลกของรางวัล หรือวิธีการอื่น ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านอยู่เป็นประจำ  เพราะการไม่ทำการตลาดส่งเสริมการขาย ไม่มีโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า ไม่วางแผนการบริหารร้านค้า ย่อมจะทำให้กระตุ้นยอดขายได้น้อยกว่าการการทำการตลาดนั่นเอง      

  • ไม่มีเมนูสินค้าใหม่มาอัปเดต

ขายแต่เมนูเดิม ๆ ไม่นำเสนอเมนูสินค้าใหม่ ก็นับว่าอาจทำให้ลูกค้าเบื่อได้ การมีเมนูสินค้าหลักของร้านถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้รักษาลูกค้าประจำได้ดี คงความเป็นร้านของคุณได้อย่างต่อเนื่อง แต่การมีเมนูสินค้าใหม่ ๆ มานำเสนอให้กับลูกค้า ก็จะช่วยให้ลูกค้าอยากลองมากขึ้น หรืออาจจะตัดสินใจซื้อเพิ่มได้ ลูกค้าไม่รู้สึกเบื่อ แถมยังได้ลองเมนูหรือสินค้าใหม่ ๆ ร้านค้าก็ยังมียอดขายเพิ่มมากขึ้น 

สำหรับร้านไหนที่อยากลดต้นทุน ก็สามารถนำวัตถุดิบที่มีอยู่แล้วมารังสรรค์เป็นเมนูต่าง ๆ แทนการซื้อวัตถุดิบเสริมอื่น ๆ ด้วยการทำโปรโมชั่นแบบไม่ขาดทุน และสินค้าใหม่ที่นำมาขาย อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าประเภทเดียวกับที่ร้านขายอยู่แล้วก็ได้ เช่น เปิดร้านขายชากาแฟ ก็สามารถนำสินค้าใหม่ ๆ อย่าง เบเกอรี่ แซนวิช คุกกี้ หรือเมนูทานคู่กาแฟ มาขายเพิ่มได้ 

  • ขายแต่หน้าร้านมองข้ามช่องทางอื่น ๆ 

ยอดขายน้อย กำไรไม่เพิ่ม เป็นเพราะว่าไม่เปิดร้านค้าบนช่องทางออนไลน์หรือเปล่า ?   การทำธุรกิจที่โฟกัสแต่การขายหน้าร้านและหวังให้มียอดขายเพิ่มขึ้นในยุคปัจจุบันนี้นับว่าทำได้ยาก เพราะในยุคนี้ช่องทางออนไลน์นั้นมีผลต่อยอดขายอย่างยิ่ง นอกจากการขายหน้าร้านแล้วจึงควรต้องมีการเปิดร้านค้าบนช่องทางออนไลน์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมทร้านค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เปิดร้านขายผ่านช่องทางฟู้ดเดลิเวอรี่ เพราะการมีร้านค้าออนไลน์จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงร้านได้มาก ช่วยให้ร้านรับออเดอร์ได้มากขึ้น โดยทื่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องมาซื้อสินค้าถึงหน้าร้าน  

  • บริการลูกค้าไม่ดี 

การบริการลูกค้าคือสิ่งที่สำคัญ เพราะลูกค้าคือสิ่งที่ส่งผลต่อยอดขายของร้านเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าประจำ หรือลูกค้าใหม่ก็ตาม ดังนั้น การใส่ในการบริการลูกค้าจึงเป็นเรื่องที่ร้านค้าไม่ควรมองข้าม โดยการบริการลูกค้าให้เกิดความรู้สึกประทับใจนั้น เริ่มต้นทำได้ตั้งแต่การทักทายลูกค้าเมื่อเดินเข้าร้าน การรับออเดอร์ด้วยความสุภาพ ไม่รีบร้อน การเสิร์ฟสินค้าอย่างระมัดระวัง ไม่ทอนเงินผิด ดังนั้น การมีมาตรฐานในการบริการลูกค้าจึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกร้านค้า  

แน่นอนว่า 7 สาเหตุที่เรานำมาแชร์ให้กันนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ ร้านค้าต้องเคยเจอกับปัญหาเหล่านี้กันมาก่อน โดยเฉพาะกับมือใหม่เริ่มต้นทำธุรกิจ และหากใครที่กำลังกังวลกับปัญหาเหล่านี้อยู่ ก็สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ แค่เลือกใช้ระบบจัดการหน้าร้าน ระบบ POS ในการช่วยบริหารร้านค้าของคุณตั้งแต่ต้น เพราะระบบ POS นี้มีฟังก์ชันในการทำงานที่ช่วยรองรับการบริการลูกค้าได้ ช่วยป้องกันพนักงานโกง ช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานภายในร้านได้อย่างดี ร้านค้าที่เลือกใช้ระบบ POS นี้จึงมักจะไม่มีปัญหาในการทำธุรกิจนั่นเอง 

หากใครที่กำลังมองหาโปรแกรมร้านค้า ระบบจัดการหน้าร้าน และอยากทดลองใช้ฟรี ก็สามารถลองใช้ระบบ tobi pos ได้เลย เพราะสมัครใช้งานฟรีบนมือถือได้ทันทีกว่า 90 วัน ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า แถมยังมีฟังก์ชันการทำงานที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณต้นทุน-กำไรของสินค้า การเก็บข้อมูลการขายสินค้าทั้งหมด ช่วยคิดบัญชีให้ ช่วยคิดค่า GP ให้อัตโนมัติ  เปรียบเทียบยอดขาย รายงานข้อมูลการขายทั้งหมดอย่างละเอียด ทั้งช่องทางการสั่งซื้อ ช่องทางการชำระเงิน รายการสินค้าและช่วงเวลาขายดี มีะบบสร้างคิวอาร์โค้ดรับเงินเฉพาะออเดอร์ แจ้งว่าต้องทอนเงินเท่าไหร่  แค่มีผู้ช่วยจัดการร้านอย่าง tobi pos ก็จะช่วยให้คุณบริหารร้านได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 

ระบบ pos มือถือ ที่ใช้งานได้ทันทีผ่านมือถือ ไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริม ใช้ฟรีได้เลยนาน 90 วัน และใช้งานต่อเนื่องได้ทันทีด้วยค่าบริการเพียง 129 บาท หรือราคาเฉลี่ยแค่ 4.5 บาทต่อวันเท่านั้นเอง เปลี่ยนมือถือของคุณให้เป็นระบบจัดการหน้าร้านได้ง่าย ๆ ไม่ต้องลงทุนเพิ่มซักบาท แถมยังช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายในร้านได้อย่างดี ช่วยจัดการร้านได้ง่ายขึ้น มองเห็นต้นทุน มองเห็นกำไรของร้านได้อย่างชัดเจน 

Similar Posts